3 มีนาคม 2555

Departures ความทรงจำแห่งการเดินทาง


หลังจากความฝันที่จะมีอาชีพเป็นนักดนตรีต้องยุติ
ไดโกะและมิกะตัดสินใจเคลื่อนตัวเองออกจากเมืองหลวงโตเกียว
เพื่อไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้งยังบ้านเกิดที่ยามางาตะ

เขาเริ่มต้นสมัครงานใหม่จากโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์
รายละเอียดบอกว่าเป็นอาชีพเกี่ยวกับ "การเดินทาง"
ชายหนุ่มจินตนาการเอาตามความหมาย
มันคงเป็นอาชีพที่มีโอกาสได้คลุกคลีกับชีวิตที่เบิกบาน
เขาจึงพาตัวเองเข้าไปสู่การเดินทางนั้น

สัจธรรมข้อหนึ่งของชีวิตมนุษย์ก็คือ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย"
ใครหลายคนรับรู้ ใครหลายคนตระหนักทุกวินาที
แต่ใครหลายคนก็มีอันชะงักไปตามๆ กันเมื่อต้องเจอเข้ากับตัวเอง
เขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกในหนึ่งชีวิตของมนุษย์
แต่เขาก็ยังตกใจ เมื่อรู้ว่าอาชีพใหม่ที่มาสมัครต้องข้องแวะกับ "ความตาย" เต็มๆ

จากคนที่เคยอยู่กับอุปกรณ์ผลิตโทนเสียงสร้างความสุนทรียะ
ต้องเปลี่ยนบทบาทมาเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมกับร่างไร้ลมหายใจ
ทางเลือกอันจำกัด ทำให้เขาเลือกจะลองทำมันดู

อาชีพ "แต่งหน้าศพ" ค่อยๆ เผยให้เห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ รอบตัว
ไดโกะได้ซึมซับ "ความหมายของความตาย" ทีละน้อย
จากการเฝ้าสังเกต ลงมือเอง และบทสนทนาจากหลายๆ คน
สำหรับเขาแล้ว นี่อาจเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ
ในการเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนรอบข้าง และเข้าใจความเป็นจริง

ผู้ชมก็เช่นกัน ที่การสัมผัสประเพณีดั้งเดิมที่ละเอียดลออจาก
แต่ละจังหวะที่หยิบจับ และความหมายของการกระทำ
เหล่านั้นได้พาดิ่งลึกเข้าไปในภวังค์แห่งชีวิต
ทุกวินาที ทุกวินาที และทุกวินาที

หากเราวางที่ทางของ "ความตาย" เป็นความเศร้าโศกและการสูญเสีย
บรรยากาศและร่างอันสงบนิ่ง คงอัดแน่นไว้ด้วยความเงียบงันและมืดมน
แต่ประเพณี "แต่งหน้าศพ" กลับไม่คิดเช่นนั้น
ทุกการหยิบจับทำเสมือนว่าร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่
สัมผัสร่างอย่างอ่อนละมุน และบรรจงแต่งหน้าอย่างปราณีต
เติมแต่งร่างอัดซีดขาวให้เปลี่ยนไปราวกับมีลมหายใจอีกครั้ง

การพยายามทำให้คนตายคล้ายกับคนมีชีวิตอยู่มากที่สุด
อาจหมายถึงการฟื้นความทรงจำดีๆ ที่มีต่อร่างไร้ลมหายใจนั้นขึ้นมา
สัมผัส นึกย้อน และวางที่ทางในการรับรู้ราวกับเขาไม่ได้จากไปไหน
เขาเพียงยุติบทบาทนักเดินทางรูปแบบหนึ่ง
และก้าวออกไปเดินทางในอีกรูปแบบที่ไม่มีใครล่วงรู้

ในวันที่โลกกายภาพของใครสักคนยุติลง
เราเรียกขานมันว่า "ความตาย" และเรานิยามมันว่า "การจากลา"
กระทั่งรู้สึกราวกับว่าเป็นการสูญเสียครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เรามีความทรงจำมากมายต่อเขาและเธอคนนั้น
เรามิอาจห้ามความโศกเศร้าต่อคนๆ นั้นได้
และคงไม่สนุกนัก ถ้าใครจะมาชี้หน้าผู้สูญเสีย แล้วบอกว่าอย่าเศร้าไปเลย เรื่องธรรมดา

"เกิด แก่ เจ็บ ตาย" เป็นเรื่องธรรมดา
ใครๆ ก็รู้ ใครๆ ก็เข้าใจ
ในฐานะคนยังมีลมหายใจ
เราไม่สามารถเรียกคืนลมหายใจให้กับร่างตรงหน้าได้
แต่เราสามารถเลือกที่จะปฏิบัติและจดจำกับเขาและเธอคนนั้นได้
ได้ไม่ต่างจากขณะที่เขายังมีลมหายใจเลย