2 เมษายน 2555

จนตรอก




ชีวิตของบุญมาก็เหมือนๆ กับคนจำนวนมากในปัจจุบัน
ที่ชีวิตไม่มีหนทางให้เลือกเดินมากนัก
หรือบางทีอาจไม่มีเลย

ชีวิตของเขาและครอบครัวยากลำบากมาโดยตลอด
แต่พวกเขาก็เลือกที่จะมุ่งมั่นกับชีวิตอย่างเต็มแรงกาย
เผชิญชะตากรรมอยู่ตามซอกหลืบของสังคม
ประคับประคองชีวิตที่สุดทนไปอย่างเงียบเชียบ
เผื่อว่าชีวิตของเขาในวันข้างหน้า...จะดีกว่าเดิม

"จนเพราะขี้เกียจ"
บุญมาอาจตระหนักในข้อความนี้
เขาจึงขยัน ทำงานหนัก เพื่อแลกกับเศษเงินมาประทังชีวิต

แม้โครงสร้างที่โอบล้อมจะบีบรัดเขามากแค่ไหน
บุญมาก็ยังดำเนินชีวิตบนเส้นทางของ "ศีลธรรม"
คิดหน้า คิดหลัง เพื่อไม่ให้วันข้างหน้าต้องลำบาก

บุญมาต้องเจอข้อจำกัดสารพัดในชีวิต
เขาเคยเช่าบ้านอยู่กับครอบครัวแบบอัตคัต
แต่จะว่าไป การหาเช้ากินค่ำกับบ้านเช่าหลังนี้
ก็เป็นชีวิตที่พออยู่ไปได้เรื่อยๆ

แต่ทว่า "บ้าน" ที่ตัวเขาไม่ได้เป็นเจ้าของ
ก็ไม่สามารถสร้างความรู้สึกเป็นหลักเป็นฐานให้ได้

บุญมาอยากมี "บ้าน" เป็นของตัวเอง
บ้านที่กายภาพอาจทรุดโทรมกว่าเดิม
แต่อย่างน้อยๆ ตัวเขาก็สามารถพูดได้ว่ามันเป็นของเขา

เมื่อเขากู้เงินจำนวนหนึ่งมาเพียงสร้าง "บ้าน"
บ้านของตัวเอง ที่สภาพย่ำแย่จนไม่มีใครอยากอาศัยอยู่
เขาหวังว่าชีวิตของตัวเองกับครอบครัวจะดีขึ้น
แต่การหวังนั้น ได้แปรเปลี่ยนเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ "จนตรอก"

ความรู้สึกแบบซื่อตรงที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง
ได้แปรเปลี่ยนเป็นความทะเยอทะยานของคนไม่เจียม
หนี้สินที่เริ่มต้นไม่มากนัก ก็ต้นทบดอก ดอกทบต้น

...


บุญมารู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง
ระหว่างทางที่ยากลำบากไม่เคยปรากฏแสงสว่างให้เขาได้ชื่นใจ
อุปสรรคถาโถมสู่เขาในทุกรายละเอียด
ครอบครัวแตกแยกจนไม่หลงเหลือความเป็นหนึ่งเดียว

บุญมาเลือกยุติลมหายใจตัวเองลง
แต่โลกอันงดงามไม่อนุญาตเขา
เขายังต้องลุกขึ้นมาเผชิญชะตากรรมอีกครั้ง
...เพียงลำพัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น