7 พฤษภาคม 2555

ผม-เชื่อ

ผมเชื่อในความโดดเดี่ยว
แม้ใครจะว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ที่จำเป็นต้องปะทะสังสรรค์กับผู้คนอันหลากหลาย ผมเห็นด้วยอยู่บ้าง ว่าทักษะในการปฏิสัมพันธ์กับคนที่ไม่คุ้นเคยเป็นสิ่งจำเป็น แต่คงไม่ถึงขนาดที่เวลาทุกวินาทีมีไว้สำหรับเจอผู้คน ไปไหนมาไหนคนเดียวคล้ายเป็นเรื่องผิดบาป

ผมเชื่อว่ามนุษย์ควรอยู่คนเดียวให้เคยชิน ไปไหนมาไหนคนเดียวให้เป็นเรื่องปกติ เหงาบ้างบางครั้งคราวก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เมื่อมีทักษะการอยู่อย่างโดดเดี่ยวไว้เป็นพื้นฐานแล้ว จะมีเพื่อน จะมีแฟน จะต้องเจอผู้คนอีกกี่มากน้อย เราก็วางสถานะสัมพันธ์เหล่านั้นเป็นกำไรชีวิต เพื่อที่แยกย้ายกันทันใด เราก็จะอยู่คนเดียวได้ ไม่มีปัญหา


ผมเชื่อในการใช้สอยเท่าที่จำเป็น
ตั้งแต่สังคมนิยามเงินตราขึ้นมาใช้เพื่อแลกเปลี่ยน ออกจากบ้านไปไหนไม่ไกลนัก เราก็เจอกับข้าวของสารพัดประเภท หลากหลายรูปแบบ มากสีสัน และราคาที่แตกต่างกันไป

เมื่อเงินตราถูกขับเน้นให้กลายเป็นศูนย์กลางของชีวิต มนุษย์ผู้ใดมีสะสมไว้เป็นเจ้าของมากเท่าไร ย่อมหมายถึงการเลือกหาสิ่งต่างๆ ให้ได้มาตามใจชอบ การค้าขายจึงเปลี่ยนจากเราต้องใช้อันนี้ ก็ไปหาอันนี้มาใช้ มาอาศัยสารพัดวิธีการมาล่อหลอกให้ผู้คนคิดว่าโน้นก็จำเป็น นี่ก็จำเป็น จำเป็นไปเสียทุกอย่าง

แต่ผมเชื่อว่าโดยพื้นฐานแล้ว "มนุษย์" แต่ละคนมีความจำเป็นในการใช้สอยไม่ต่างกันมาก คงแบ่งแยกรายละเอียดหยาบๆ ได้เป็นหญิงและชาย ที่ธรรมชาติของร่างกายมีการทำงานต่างกัน เพิ่มให้อีกหน่อยกับรายละเอียดประดิษฐ์ที่ว่าผู้หญิงต้องเป็นแบบนั้น และผู้ชายต้องเป็นแบบนี้  นอกจาก "กิน ขี้ ปี้ นอน" ผมว่าที่เหลือเป็นสิ่งล้นเกินของชีวิต

เสื้อผ้า อาหาร เครื่องประดับ ฯลฯ ผมว่ามีไว้เท่าที่จำเป็นก็พอ เพราะจะว่าไป มันไม่ได้จำเป็นอะไรกับชีวิตเท่าไรเลย มีแล้วก็ไม่ต้องไปมีซ้ำ ชำรุดก็ไม่ต้องเร่งซื้อ ซ่อมแซมกลับมาใช้ใหม่ ดูจะน่าชื่นชมกว่าเป็นไหนๆ


ผมเชื่อว่ามนุษย์ก็คือมนุษย์
ที่เห็นว่าแตกต่างหลากหลายในช่วงวัย รูปร่าง-ท่าทาง ลักษณะนิสัย ข้าวของเครื่องใช้ แต่ยังไงเสีย ผมก็เชื่อว่าทุกคนมีคุณค่าเท่าๆ กัน

จะเป็นคนมีเงินในกระเป๋าไม่จำกัดปริมาณ ตะบี้ตะบันใช้ยังไงก็ไม่หมดสักที หรือคนที่ล้วงกี่ทีก็ว่างเปล่า จะหยิบจับไปแลกข้าวสักจานยังไม่มี -- ผมว่าเขาเป็น "มนุษย์" เท่าๆ กัน

จะคลอดมาจากท้องของแม่ที่ร่ำรวย-หรูหรา-เลิศเลอในสถานะเพียงใด ผมก็เชื่อว่าเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่ต้องอาศัยแรงเบ่งจากหญิงยากแค้นที่ต้องพึงพาหมอบ้านๆ มาช่วยทำคลอด

เราอาจรู้สึกขัดแย้งว่าจะเท่ากันได้อย่างไร ก็เห็นๆ อยู่ว่าคนนั้นกับคนนี้แตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิง คล้ายจะจริง แต่ผมว่าถ้าเราตั้งต้นด้วยความไม่เชื่อว่ามนุษย์เท่ากันแล้ว คนที่ยืนอยู่บนๆ ก็คงเอาแต่ย่ำเหยียบคนข้างล่างอยู่ร่ำไป จิตสำนึกนี้จึงต้องได้รับการกระจายไปทุกหนแห่ง

เราควรท่องจำเอาไว้กันหลงลืม
...เพื่อให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ แม้ทั้งชีวิตจะไม่เคยได้พบว่าความเท่ากันนั้นมีอยู่ตรงหน้าเลยก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น