28 กันยายน 2555

ค่ำคืนแห่งห่าฝน

เสียงฝนห่าใหญ่ปลุกฉันให้ตื่นขึ้น…

น้อยครั้งเหลือเกินที่ค่ำคืนจะขาดตอนจากเสียงสายฝน ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์หดหู่อย่างบอกไม่ถูก จะว่าเศร้าโศกก็ไม่ใช่ จะว่าเสียใจก็ไม่ใช่อีก อธิบายความรู้สึกเป็นเหตุและผลได้ไม่ถูกนัก ว่าเพราะอะไรการหลับนอนที่ขาดตอนจึงเกิดขึ้น จนเมื่อนั่งให้อะไรๆ นิ่งขึ้น ฉันก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงผู้คนที่เผชิญสายฝนเดียวกันนี้ในรูปรอยทีต่างออกไปขึ้นมาอย่างสุดใจ

บ้านเก่าๆ ของฉัน เต็มที่สายฝนก็สาดเข้ามาตามร่องหน้าต่างประตู หลังคาเก่าๆ ก็อาจส่งเสียงดังไปบ้าง ฟ้าร้องเสียงสนั่นก็อาจแทรกตัวตามวัสดุผุกร่อนเข้ามารบกวนใจ

แต่ที่แน่ชัดยิ่งกว่า คือ ไอเย็นของสายฝนที่สร้างความปรีดาให้คนกำลังนอน

ก็ไม่ได้เป็นคนดีมีเมตตาอะไรขนาดนั้น แต่เสียงฝนในปริมาณหนักหนาขนาดนี้  คนที่น่าเป็นห่วงมีมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่ผู้คนที่บ้านหลักคาผุรั่ว บ้านที่รอลุ้นว่าน้ำจะเข้าไหม และคนที่บ้านเป็นหลังๆ ไม่เคยมีอยู่จริง -- พวกเขาจะยากลำบากแค่ไหน

บางทีนี่อาจเรียกว่า ‘ร่วมทุกข์ร่วมสุข’ เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างมาก ในเวลาฝนห่าใหญ่ไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้ ฉันเห็นใจผู้คนเหล่านั้นจนสะเทือนใจ และหวนนึกถึงชีวิตที่ตัวเองเป็นอยู่เหลือเกิน

ดีแค่ไหนแล้วที่เกิดมาในบ้านเป็นหลังๆ ดีแค่ไหนแล้วที่มีพ่อแม่คอยดูแลห่วงใย ดีแค่ไหนแล้วที่มีอาหารที่รังนอนให้กินอิ่นนอนหลับ ดีแค่ไหนแล้วที่สายฝนห่าใหญ่คือไอเย็นให้ผ่อนคาย ดีแค่ไหนแล้วที่มีวันนี้

หวังว่าความรู้สึกเช่นนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ และตลอดไป และหวังอีกเช่นกันที่วันต่อๆ ไป ฉันจะแบ่งเบาความทุกข์ของพวกเขาได้บ้าง ไม่มาก ก็น้อย หรือเพียงนิดก็ยังดี

ตีสอง สามสิบสองนาที
ขณะที่ความหดหู่ปกคลุม

1 ความคิดเห็น: